Friday, October 13, 2006

Christina Aguilera - Here To Stay Pepsi Commercial



ดูโฆษณานี้แล้วแรดดีงามเชียว ชอบๆๆโดยเฉพาะคริสติน่าแต่งเป็นญี่ปุ่น
ทำไมทีวีเมืองไทยไม่เอามาฉายเนอะ

Wednesday, October 11, 2006

คุณค่าของตัวเอง

ขอเอาอะไรมีสาระมาฝากบ้างนะ ช่วงนี้ซาบิ อ่านแล้วรู้สึกดีขึ้น
ได้มาจาเวปอ่ะ แต่เวปไหนจำไม่ได้แล้ว ลองอ่านกันดู

หัดคิดแต่ด้านบวก
...แล้วจะรู้ว่ามีแต่สิ่งที่เป็นไปได้

หัดฝัน
...แล้วจะรู้ว่าโลกนี้น่าอยู่

หัดพูดแต่ด้านบวก
..แล้วจะรู้ว่ามีคนอีกมากมายที่รักเรา

หัดยิ้ม
...แล้วจะรู้ว่าเราคือคนที่น่ารัก

หัดฟาดฟันกับอุปสรรค
...แล้วจะรู้ว่าเราคือคนที่เข้มแข็ง

ลองทน
...แล้วจะรู้ว่าเรามีความอดทนยิ่งกว่าใคร

ลองออกกำลังกายทุกวัน
...แล้วจะรู้ว่าเราคือมนุษย์เจ้าพลังคนหนึ่ง

ลองคิดเอาชนะ
...แล้วจะรู้ว่าเราสามารถเอาชนะ ตัวเองได้ไม่ยาก

ลองคิดให้ใหญ่
...แล้วจะรู้ว่าเรามีความสามารถอย่างน่าแปลกใจ

นักพูดที่เป็นที่รู้จักกันดีท่านหนึ่งได้เริ่มหยุดการสัมนาของเขา
โดยการหยิบแบงค์ 1,000 ขึ้นมาในห้องที่มีผู้เข้าร่วม 200 ท่าน แล้วเขาก็พูดว่า

"ใครอยากได้แบงค์ 1,000 นี้บ้าง?" มือได้ถูกยกขึ้นเป็นจำนวนมาก และเขาก็พูดต่อว่า

"ฉันจะให้เงินแบงค์1,000 นี้แก่หนึ่งในพวกท่าน แต่ครั้งแรกนี้ฉันจะทำอย่างนี้"

เขาเริ่มที่จะขยำๆเงินนั้นแล้วเขาก็ถามอีกว่า "ใครจะยังต้องการมันอีก"

ยังคงมีมือที่ยกขึ้นอีก

"ดี" เขาตอบ

" แล้วถ้าฉันทำอย่างนี้ล่ะ"

และเขาก็ทิ้งมันลงที่พื้นและเริ่มที่เหยียบย่ำมันด้วยรองเท้าของเขา
แล้วเขาก็เก็บขึ้นมา ขณะนี้มันทั้งยับยู่ยี่และสกปรก

"ตอนนี้ใครยังต้องการมันอีก" ก็ยังคงมีคนยกมืออีก

"เพื่อนๆคุณได้เรียนรู้บทเรียนที่มีคุณค่ามากที่สุดบทหนึ่งแล้วว่า
ไม่ว่าฉันจะทำอะไรกับเงิน คุณก็ยังต้องการมันอยู่

เพราะว่ามันไม่ได้ลดคุณค่าในตัวมันลงเลย มันก็ยังคงมีค่า1,000 บาทอยู่นั่นเอง

เหมือนกับหลายๆครั้งในชีวิตของเรา ที่ถูกทิ้ง ถูกเหยียบย่ำ และถูกทำให้สกปรก
โดยสิ่งที่เราตัดสินใจทำมันและสภาพแวดล้อมที่เราเจอ

ทำให้เรารู้สึกว่าคุณค่าของเราลดน้อยลง แต่ไม่ว่าอะไรที่ได้เกิดขึ้นหรืออะไรที่จะเกิดขึ้น

คุณไม่เคยสูญเสียคุณค่าของคุณ คุณเป็นคนพิเศษ -- อย่าลืมมันตลอดไป!

"อย่านำความผิดหวังของเมื่อวานมาบดบังความฝันในวันพรุ่งนี้"


ปล.ชั้นก็ทำตัวมีสาระเป็นเหมือนกันนะ

Monday, October 09, 2006

สุ-วัน-นะ-บู-มี

ช่วงนี้เป็นกระแสมาแรงเรื่องสนามบินสุวรรณภูมิ (ต้องอ่านตามตัวสะกดภาษาอังกฤษแบบที่ อีแฮ่น อ่านว่า สุ-วัน-นะ-บู-มี)เราก็อินเทรนไปเที่ยวมาแล้วเหมือนกันนะ

ช่วงเสาร์ อาทิตย์ที่ผ่านมาไปประชุม basic science ศัลย์ที่กรุงเทพ เบซิกอะไรก็ไม่รู้โคตระยากเลย แต่ก็แอบดีใจที่จะได้ไปแรดกรุงเทพทุกเดือน นั่งนกแอร์ไป ราคาไปกลับรวมแล้ว 3,600 บาทพอดี ขาไปลงเครื่องแล้วก็รีบหาทางกลับบ้านฮ่ะ ยังไม่ค่อยจะได้ชื่นชมความอลังการเท่าไหร

ขากลับกลับมากับน้อง เครื่องนกแอร์เหมือนเดิม เครื่องออกตอนสี่โมงครึ่ง อุตส่าห์รีบนั่งแท็กซี่ไปตั้งแต่บ่ายโมงฮ่ะ กลัวรถติด และอยากไปเที่ยวด้วย รถวิ่งไปทางพระรามเก้า ผ่านมอเตอร์เวย์แล้วก็จะเป็นทางยกระดับเข้าไปอาคารผู้โดยสารเลย ระหว่าทางมีป้ายทุกช่วงเสาไฟฟ้าทั้งๆที่ถนนก็เป็นทางตรงแน่ว ไม่มีแยกใดๆ (พร่ำเพรื่อมากๆ) ถนนก็ใหญ่ดีนับดูแล้วสิบหกเลนได้มั๊ง รถเลยแล่นกันฉิวใช้เวลาแค่สี่สิบนาทีก็ถึงแล้วฮ่ะ (บ้านเราอยู่ตรงดินแดง) เสียค่าแต๊กไปร้อยแปดสิบบาท (ถ้าจากบ้านไปดอนเมือง ก็ประมาณร้อยยี่สิบบาท บวกค่าโทล์เวย์ก็เป็นร้อยสี่สิบ) เราว่าไปง่ายกว่าดอนเมืองอีกนะ ไม่ค่อยมีแยกไฟแดงให้เสียอารมณ์ ใกล้ๆถึงจะเห็นหอบังคับการการบินที่โฆษณาว่าสูงที่สุดอยู่ลิบๆ เห็นอาคารผู้โดยสารก็สวยดี ดูอลังการใช้ได้เลย ข้างทางก็เห็นเสา airport link กำลังสร้างอยู่

ถึงสนามบินตอนบ่ายโมงสี่สิบห้าฮ่ะ เหลือเวลาอีกตั้งสามสี่ชั่วโมง เคาเตอร์เช็คอินก็ยังไม่เปิด ก็เลยไปนั่งแรดๆ กินกาแฟอยู่ที่ชั้นลอยดูวิวเครื่องบินไปพลางๆ ร้านรู้สึกว่าจะชื่อ glass bar อะไรเนี่ยแหละ ขายพวกเบเกอรี่ดูบ้านๆ ไม่ค่อยน่ากินเท่าไหร บวกกับราคาที่สุดยอด แล้วก็เลยได้แต่สั่งกาแฟฮ่ะ เมนูเครื่องดื่มก็กรี๊ดๆๆๆ soft drink : pepsi แก้วละ 80, น้ำฝรั่งแก้วละ 120 ฮ่ะ กาแฟก็ราคาประมาณสะตาบิก แต่รสชาติบ้านๆ ไหนๆนั่งแล้วก็เลยต้องยอมจ่าย วิวก็มองเห็นสนามบินสวยใช้ได้


ทางเข้า ใหญ่โตมากรู้สึกเหมือนอยู่เมืองนอกเลย



เค้าเตอร์เช็คอินเยอะมากๆๆๆๆๆ คนก็เยอะเชียว

หลังจากจิบกาแฟแรดๆเสร็จก็ไปเช็คอินฮ่ะ คราวนี้เอาของมาน้อยไม่ยอมโหลดกลัวของหาย เสร็จแล้วก็ลงไปเดินดูร้านของกินที่ชั้นล่าง คนเยอะมากๆๆ มีสะตาบิก เอสแอนด์พี ร้านบูส ละก็ร้านขายบะหมี่ซัมซิง คนเข้าคิวซื้อเยอะมากๆ แต่ดูจากจีเอแล้วไม่น่าจะอร่อยเท่าไหร่เลย ราคาก็แพ๊งแพง ต้องหิวจริงๆถึงจะยอมกิน


สะตาบิกที่ชั้นสาม คนเยอะมากๆๆ

เดินจะทั่วละ เมื่อยก็เลยเข้าเกทดีกว่า ที่นี่แบ่งโซนเป็นภายในประเทศอยู่ทางด้านซ้าย ส่วนที่เหลือเป็นระหว่าประเทศหมด พวกประติมากรรมอลังการทั้งหลายทั้งแหล่เนี่ยอยู่ที่ระหว่างประเทศหมด ไม่ได้เห็นซักอย่างฮ่ะ เข้าเกทไปแล้วก็มีร้านขายของด้วย ปรากฏการณ์ใหม่ของภายในประเทศ เป็นร้านของคิงส์พาวเวอร์ แต่รู้สึกจะไม่ดิวตี้ฟรี ของแพงเอวารี่ ซื้อไรไม่ได้ซักอย่าง น้ำเปล่ายังมีขายแต่เอเวียง โค๊กกระป๋องละยี่สิบห้า


ร้านขายของดิวตี้ฟรีในเกท มีแต่คนดูเฉยๆ ไม่เห็นมีใครซื้อไร

ทางเดินไปเกทไกลมากต้องใช้ speed walk ตั้งสามสีตอนแน่ แต่ก็ที่นี่ประเทศไทยฮ่ะ คนก็จัสขั้นไปยืนแล้วไม่เดิน กลายเป็น lazy walk ขวางทางคนที่เค้ารีบๆซะหมด เบื่อจริง ไปถึงเกทแล้วก็เอ็กซเรย์ นั่งรอดู ที่เกทเป็นกระจกหมดแลย มองออกไปข้างนอกเป็นรันเวย์สวยดี เห็นเครื่องบินต่อแถวกันขึ้นทุกลำเลย


เกทบีห้า มองไปเห็นรันเวย์ สวยเชียว

นั่งรอเครื่องซักชั่วโมงกว่า ถึงเวลาก็ประกาศว่าเครื่องดีเลย์ อ้าวซวยละ เริ่มเบื่อแล้วนะเนี่ย โกดๆ หิวด้วย ประกาศเครื่องออกใหม่เป็นห้าโมงสิบ รอต่ออีกครั่งชั่วโมงคราวนี้ประกาศแคนเซิ่ลไฟลท์เลย (ดวงปาฏิหารย์อีกละ มากรุงเทพขากลับโดนแคนเซิ่ลไฟลท์ทั้งสองเที่ยวเลย)สุดท้ายได้ไปกับการบินไทยเที่ยวทุ่มครึ่ง

สรุป แหง็กอยู่ที่สุวันนะบูมี อยู่ตั้งหกชั่วโมง ชื่นชมซะเต็มอิ่ม

Sunday, September 24, 2006

ของใหม่.....

กรี๊ด วันนี้ไปกดตังค์มาแหละ อยู่ดีๆก็มีเงินเข้าในบัญชีมาตั้งมากมาย เลยได้ฤกษ์ซื้อจอใหม่

จริงๆมันเป็นเงินค่าวิชาชีพย้อนหลังหกเดือน ที่เค้าบอกว่าจะได้ตั้งแต่ปีที่แล้วละ เรียกไปเซ็นเอกสารตั้งหลายรอบแต่ก็ไม่ได้ซักที เลยปลงคิดว่าไม่ได้ซะแล้ว แต่ในที่สุดวันนี้ก็ได้ฮ่ะ....อิอิ
ได้ตังค์มา หลังจากใช้หนี้หมด(ค่าซ่อมรถ ค่าหนังสือ) แบ่งไปฝากไว้บัญชีประจำ แล้วก็เหลืออีกนิดหน่อย ตอนแรกคิดว่าจะซื้อเดสท๊อปใหม่ซักเครื่อง แต่รู้สึกว่าแพงและไร้สาระอ่ะ เลยมาดูจอ
ที่เชียงใหม่ไม่ค่อยมีร้านให้เลือกมากเท่าไหร ราคาก็น่าจะแพงกว่าที่พันทิพ แต่ไม่สน...
จอแอลซีดีเดี๋ยวนี้ถู๊กถูก 17 นิ้วเอายี่ห้อบ้านๆ ก็ หก-เจ็ดพันเอง แต่จอไอเดียลของเราอยากได้เป็นจอแบบไวด์กรีนอ่ะ (ตามมาตรฐาน apple ที่เดี๋ยวนี้เอวารี่ก็จะต้องเป็นไวด์สกรีนหมด) เล็งไว้นานมากแล้ว แต่มันแพงหมื่นกว่าบาทเลยไม่ได้ซื้อ
วันนี้ไปเดินเล่น เจอจอแอลจี 19 นิ้วไวด์สกรีนด้วย ราคา 8,450 บาท (กรี๊ดๆ) ตรงสเปคเลย
ซื้อมาแล้วรีบมาชื่นชมฮ่ะ ต่อกับพีซีก็โอเคนะ ต่อแอบดูบ้านๆ เลยเอามาต่อกับพาวเวอร์บุ๊ค....จอใหญ่ อ่าน pdf ได้สองหน้าพร้อมกัน แถมไปลองโหลดตัวอย่างหนังแบบ HD มาดูเต็มๆจอด้วย.... อลังการมากฮ่ะ......


จอสีเงินขอบบางด้วยนะ (แอบเข้าข้างตัวเองให้ดูเป็น cinema display)

Saturday, September 23, 2006

กินอยู่อย่างประหยัด

จนๆๆๆๆ มากช่วงนี้ หลังจากจ่ายตังค์ค่าซ่อมรถ ค่าหนังสือ ไปแรดที่กรุงเทพมากอีก หมดตังค์ไปเยอะเชียว กลับมาเลยต้องประหยัด
เห็นบล๊อกปวรทำอาหารบ่อยมากๆ ก็เลยคิดจะทำเองบ้าง แต่คงทำอะไรแอดวานซ์แบบนั้นไม่ไหว กลัวบรานซิ่งซื้อนู้นซื้อนี้เพิ่มจะกลายเป็นอาหารราคาแพงไปซะ เมื่อวานไปเดินคาร์ฟูมาเลยได้ไอเดียทำสุกี้กินเอง อยากใส่อะไรก็ใส่ แถมเอาเก็บไว้กินได้อีกหลายวันด้วย
งบประมาณ (ส่วนประกอบอาจจะแอ๊ปไปนิด เพราะซื้อแต่ผักที่กินเป็นเท่่านั้น)
ผักกาดขาว 1 หัว 8.75 บาท
แครอท 2 หัว 7 บาท
หอมหัวใหญ่ 2 หัว 20.25 บาท
เห็ดหูหนู 1 แพ็ค 16.75 บาท
ผักตำลึง 1 มัด 10 บาท
น้ำจิ้มสุกี้ 42.50 บาท
วุ้นเส้นสด 16 บาท
หมูสับ หมูหมัก เอาของเดิมที่แช่แข็งเอาไว้
รวมแล้วหมดตังค์ไป 121.25 บาท

ขั้นตอนการทำก็บ้านๆ เหมือนทำสุกี้เอ็มเคเลย เริ่มจากต้มน้ำให้เดือด ใส่ซุปก้อนคนอร์ จากนี้นก็ใส่หมอใหญ่กับแครอทลงไป ต้มไว้ซัก 20 นาที (ชอบให้หัวหอมกับแครอทเปื่อยๆอ่ะนะ) ทีนี้หน้าตาก็จะออกมาเหมือนซุปหัวหอมมาก รสชาติก็เหมือนด้วย เสร็จแล้วก็ใส่หมูสับ หมูหมัก รอให้สุก แล้วค่อยใส่ผักกาดขาว กับตำลึง เสร็จแล้วหน้าตาก็ออกมาเป็นแบบนี้ อิอิ
น่ากิน.... (ดูบ้านๆนะ แต่รู้สึกดีฮ่ะเพราะไม่เคยทำกับข้าวกินเองเลย)



หม้อนี้อยู้ได้ตั้งสามวันแน่ะ ไม่ต้องเสียตังค์ไปซื้อข้าวเลย แถมมีแต่ผัก ลดความอ้วนได้ด้วย
เวลาอุ่นกินก็เอาวุ้นเส้นใส่ในชาม แล้วตักเอาสุกี้ราด เวฟประมาณสี่นาทีก็พอ

ปล. ช่วงนี้กำลังลดความอ้วนอยู่ (อย่างจริงจังด้วยนะ) ลดได้ตั้ง 6 กิโลแล้วฮ่ะ

Thursday, September 14, 2006

บล๊อกอีแฮ่น

วันก่อนโทรคุยกับอีแฮ่น บ่นเรื่องความน่าเบื่อต่างๆนานาของการเป็นหมอ อีแฮ่นก็เบื่อเหมือนกัน เห็นบอกว่าจะลาออกเดือน พย แล้วจะไปอเมริกาสามเดือนค่อยกลับมาทำงานต่อที่กรุงเทพ คุยไปคัยมามันก็เอาไดอารี่มาอ่านให้ฟังฮ่ะ
สนุกมาๆ เขียนดีเชียว เราเลยบอกให้เขียนบล๊อกซะเลย
ลองเข้าไปอ่านที่นี่นะ อ่านแล้วคอมเม้นให้มันหน่อยนะ แล้วอย่าลืมแนะนำให้คนอื่นอ่านด้วยล่ะ
ปล. เวลาอ่านให้เปลี่ยนสรรพนาม "ผม" เป็น "ชั้น" นะถึงจะได้อารมณ์

พระไตรปิฎก ออนไลน์


จริงๆก็เคยรู้อยู่ว่ามีพระไตรปิฎกแบบออนไลน์นานแล้วนะ แต่ไม่เคยเข้าไปดูอ่ะ
วันนี้ลอง search google ดู น่าสนใจมากๆ มีให้อ่านเยอะมาก
ลองเข้าไปดูกันนะ

Tuesday, September 05, 2006

เรื่องเล่าจากพันทิพย์

ช่วงนี้ไม่รู้เป็นไง เบื่อๆเซ็งๆ (จริงๆก็แอบซาบิชิเหมือนกันนิดๆ)
เลิกงานมากลับหอไปก็ไม่ค่อยรู้จะทำไรดี ออกไปข้างนอกก็ขี้เกียจเนื่องจากไม่มีรถใช้ เลยต้องอาศัยพับลิกทราน ไปก่อน (รถสองแถวนั่นแหละ ที่นี่เค้าเรียกว่ารถแดง นั่งเที่ยวละ 15 บาท แพงงงง)เลยไม่ได้ออกไปแรดซักเท่าไหร
ส่วนใหญ่ก็กลับมาตั้งท่าว่าจะอ่านหนังสือ แล้วก็เปิดคอมคาไว้ ดูนู้นดูนี่ไปเรื่อยๆ เวลาเบื่อ ช่วงนี้เราใช้ blogline แล้วนะ ลงไว้ไม่กี่อัน ก็มีบล๊อกของดีดี้ ปวร อี๊ด ละก็บล็อกของคุณวัตโตะ
อ่านไปเรื่อยๆ เราชอบเรื่องเกี่ยวกับพวกรีวิวเพลงมาก แอบไปโหลดมาฟังเกือบทุกอัลบัมที่ปวร กับคณวัตโตะโพสไว้เลย วันก่อนไปดูที่โพสเรื่องละครชีวิตในพันทิพย์ ตอนแรกไม่ได้สนใจไรมาก กดลิงค์ๆดูไปงั้นๆ แหละ เราก็ไม่เคยเข้าห้องลุมพินีด้วย ไม่รู้ว่าเค้าคุยเกี่ยวกับเรื่องไรกัน ดูกระทู้ที่คุณวัตโตะแนะนำ ที่เขียนโดยคัญ"เซ็งเป็ด"มีคนโพสตอบตั้ง สองร้อยกว่าโพสเลยลองอ่านดู อ่านแล้วติดหนึบเลย อ่านทีเดียวจบทุกตอน แถมอ่านจบแล้วโทรไปกรี๊ดกร้าด กับอีดีดี้ด้วย อีนี่ก็ว่าเราว่าเป็นพวกโดนอินดิวซ์ง่าย (แหมทำยังกับตัวเองไม่ติดล่ะ) ติดตามาเรื่อยๆ จนเค้าเขียนจบ
วันนี้ตอนบ่ายว่างๆ ว่าจะแอบไปนอนที่ห้องซักหน่อยเพราะว่าอยู่เวรคืนนี้ กลับห้องไปเปิดคอมซักนิด เห็นกระทู้เรื่อง ชีวิตรันทด เขียนโดย คุณ"แอร์กี่" ในบล็อกคุณวัตโตะก็แนะนำไว้อยู่แต่เห็นว่าเยอะมาก หลายตอนเกิน แถมไม่ค่อยชอบอ่านเรื่องหดหู่อะไรแบบเนี้ย เลยอิกนอร์ แต่ไหนวันนี้ว่างๆแลยลองอ่านเซอร์เวย์ซักหน่อย ปรากิส สนุกมากๆ เลยต้องกดลิงค์ที่คุณวัตโตะรวมรวมเป็น doc ไว้ อ่านต่อ โหลดมาแล้ว print pdf ได้ตั้ง 60 หน้าแน่ะ นั่งอ่านตั้งแต่บ่ายโมง ถึงสามโมง มันส์มากๆๆๆๆๆ เหมือนละครเลย (แอบมีความเป็นละครช่องเจ็ดอยู่มากทีเดียว) คนเขียนเก่งมาก รวมเป็นเล่มแล้วขายดีแน่ๆ ตอนนี้มีถึงตอนที่สิบสามละ เรื่องราวกำลังเข้มข้นมาก แนะนำว่าให้ไปโหลดมาอ่านด่วน (อีดีดี้ก็อย่าลืมด้วย อุตส่าห์โทรไปอินดิวซ์แล้ว)
ตอนนี้เลยเป็นพวกโอซีดี เข้าเวปพันทิพทุกทีที่ว่าง
ปล. ขอบคุณ คุณวัตโตะ มากๆ ที่อุตส่าห์รวมกระทู ทำให้ไม่ต้องเสียเวลาไปค้นกระทู้เก่ามาอ่าน

Monday, July 03, 2006

The King of Thailand

Saturday, June 17, 2006

In your heart

วันนี้ไปกินข้าว ได้ฟังเค้าคุยกันเรื่องโฆษณาเกี่ยวกับวันเฉลิมพระเกียรติ ก็เลยไปโหลดมาดูบ้าง

ดูแล้วประทับใจมากๆๆ โดยเฉพาะตอนท้ายที่ฝรั่งพูด

Tuesday, January 31, 2006

Trip : น่าน (ภาค 2 ออกเดินทาง)

วันศุกร์วันอกเดินทางแล้ว โชคดีตอนเช้าออ-วี นัดไปหาหมอฟันตอนเก้าโมงเลยว่างไปส่งเราเอารถที่ศูนย์ฮอนด้า (เกือบได้โบกรถแดงไปเองแล้ว) ก่อนไปก็แวะซื้อของฝากที่ตลาด ซื้อส้ม หมูยอ ละก็สตอเบอรี่ ไปถึงศูนย์ก็เก้าโมงแล้ว แถมยังตกใจกับค่าซ่อมรถอีก หมดไป 7,500!!! เอารถออกแล้วก็และเติมน้ำมันให้เต็มถ้งหมดไปอีก 870 บาท (ยังไม่ทันออกจาก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ก็หมดเงินไปแล้วแปดพันกว่าแน่ะ ไอ้ที่พยายามประหยัดมาทังเดือน ยอมกินข้าวฟรี่ที่ไม่ค่อยอร่อยที่ ER สูญเปล่าหมด) ได้ฤกษ์ออกเดินทางตอนเก้าโมงสี่สิบพอดี
เส้นทางที่เราเลือกขับไปตามทางหลวงหมายเลข11 ผ่านลำพูน ลำปาง แพร่ จากนั้นก็แยกออกไปตามทางหลวงหมายเลข101 ผ่านทางแพร่จนไปถึงน่าน ในหนังสือเขียนระยะทางประมาณ 318 กม. ใช้เวลาเดินทาง 5 ชั่วโมงได้



ด้วยความที่เห็นว่าออกสายบวกก้บถนนที่ดีเชียว ก็เลยขับเร็วหน่อย ทางก็ไม่เวียร์มากนะช่วงแรกเป็นถนนสี่เลน พอเลยจากลำปางมาก็เหลือแค่สองเลน ต้องใช้ทักษะกับความใจกล้วแซงพวกรถบรรทุกเป็นระยะๆ โชคดีที่วันนี้รถไม่ค่อยเยอะ ถึงที่น่านประมาณบ่ายสองโมง หลงทางอยู่ในตัวเมืองอีก กว่าจะถึง รพ.น่านก็สองโมงครึ่งได้

Trip : น่าน (ภาค 1 ก่อนออกเดินทาง)

ช่วงนี้ไม่ค่อยได้มีเวลามาอัพบล็อคเลย ยุ่งมากมีวงจรชีวิตเช้า-บ่าย-ดึก ลงเวรมาปุ๊ปก็ต้องรีบนอนเพื่อรอขึ้นเวรถัดไปต่อ โชคดีมีเพื่อนมาแลกเวรช่วงสิ้นเดือนพอดีก็เลยว่างติดกันตั้งสี่วันแบบไม่ได้ตั้งใจ จะนอนอยู่บ้านเฉยๆ ก็ใช่ที่เพราะว่ามันเป็นวันหยุดยาวสุดท้ายก่อนเข้าภาควิชาแล้ว (ถ้าเข้าภาคก็ต้องไปราวด์วอร์ดวันหยุด ไม่ได้ไปไหนไกลๆแน่ๆ) เลยถือโอกาสเลือกทริปไปเที่ยว ตจว ซะเลย
Criteria ในการเลือกก็จะต้องเป็นจังหวัดในภาคเหนือ เดินทางไม่นาน (จะได้ขับรถไปได้), ต้องมีเพื่อนซีรี่อยู่ (จะได้ประหยัดค่าที่พัก และมีคนพาเที่ยว) จากcriteria ก็เหลือแค่สามจัดหวัดเองมี น่าน (มีมะนาวอยู่), พิษณุโลก(มีฟางใช้ทุนอยู่) ละก็สุโขทัย (นุ๊กนิกอยู่) เราก็เลือกน่านเพราะสนิทกับมะนาวที่สุด เป็นพาร์ทเนอร์แลปตอนปีหนึ่งด้วย แล้วก็เป็นจังหวัดที่อยากไปมานานแล้ว
เนื่องจากไม่เคยขับรถไปไหนไกลๆคนเดียวมาก่อนก็เลยต้องมีการเตรียมตัว เราไปซื้อหนังสือท่องเที่ยวภาคเหนือมาอ่าน ซื้อแผนที่ทางหลวงมาไว้กันหลงทาง แล้วก็โทรถามพี่ที่รู้จักว่าไปน่านทางเป็นไง ขับนานไหม
บ่ายวันพฤหัสก่อนออกเดินทางมีเวลาว่างก่อนขึ้นเวรบ่ายก็เอารถไปเช็ค กะว่าจะแค่เช็คทั่วๆไปเลยเอารถไปที่ศูนย์ฮอนด้า ปรากิดว่าต้องเปลี่ยนโน่นเปลี่ยนนี่เต็มไปหมด แถมซ่อมนานได้วันรุ่งขึ้นอีก ดูซิเสียแผนหมดเลย ตอนแรกที่ว่าจะออกเดินทางซักแปดโมง นี่ต้องไปเอารถก่อนถึงจะออกได้ ไม่รู้จะได้กี่โมงด้วย

Thursday, January 05, 2006

Enneagram 3

DeeDee
Enneagram Test Results
Type 1 Perfectionism |||||||||| 36%
Type 2 Helpfulness |||||| 30%
Type 3 Image Focus |||||||||| 36%
Type 4 Hypersensitivity |||||||||||| 50%
Type 5 Detachment |||||||||||||||| 63%
Type 6 Anxiety |||||| 24%
Type 7 Adventurousness |||||||||||||||| 62%
Type 8 Aggressiveness |||||||||||||| 58%
Type 9 Calmness |||||||||||||| 60%
Your main type is 5
Your variant is self pres
Take Free Enneagram Personality Test

Wednesday, January 04, 2006

Enneagram_2

Tik
Enneagram Test Results
Type 1 Perfectionism |||||||||||||| 53%
Type 2 Helpfulness |||||||||| 38%
Type 3 Image Focus |||||||||| 39%
Type 4 Hypersensitivity |||||||||| 34%
Type 5 Detachment |||||||||||||| 59%
Type 6 Anxiety |||||||||||| 48%
Type 7 Adventurousness |||||||||||||| 51%
Type 8 Aggressiveness |||| 18%
Type 9 Calmness |||||||||||| 49%
Your main type is 5
Your variant is self pres
Take Free Enneagram Personality Test

Enneagram

Eve

Enneagram Test Results
Type 1 Perfectionism 34%
Type 2 Helpfulness 21%
Type 3 Image Focus 63%
Type 4 Hypersensitivity 54%
Type 5 Detachment 38%
Type 6 Anxiety 72%
Type 7 Adventurousness 80%
Type 8 Aggressiveness 82%
Type 9 Calmness 43%
Your main type is 8
Your variant is sexual
Take Free Enneagram Personality Test