Thursday, December 29, 2005

ความไพร่ของพาวเวอร์บุ๊ค

คอมเจ๊ง!!!!!!!!!!!!!! ไพร่มากๆ

เมื่อวานหลังจากที่เราอัพบล๊อกงานกีฬาสีเสร็จ กำลังจะ resize รูปด้วย photo shop หลังจากที่คลิ๊กปุ๊ปก็มีเสียงครืดคราดจากฮาร์ดดิสก์ เราก็ไม่ได้สนใจอะไร คงเป็นเสียงโหลดตารมปกติ ปรากิดว่ามันโหลดนานมากๆ cursor ขึ้นเป็นรูปวงกลมสายรุ้งอยู่ร่วมสิบนาที ไปเข้าห้องน้ำก็แล้ว กินขนมก็แล้วยังไม่เสร็จ ก็เลยตัดสินใจ restart โดยการกดปุ่ม power ค้างไว้ จากนั้นมันก็ boot เป็นหน้าจอสีเทาขึ้นรูปแอปเปิ้ลตามปกติ แต่ขึ้นอยู่นานมากๆ จนรอไม่ไหว ประจวบกับออกเวรพอดีเลยปิดเครื่องแล้วเอาไปลองทำต่อที่หอ

ที่หอ เราเสียบปลั๊กค้างไว้ แล้วลองเปิดดู คราวนี้ไม่ไปแตะอะไรเลยปล่อยให้มันโหลดไปเอง รู้ไหมว่าใช้เวลาเที่ไหรกว่าเครื่องจะโหลดขึ้นหน้าจอ desktop .... 2 ชั่วโมง!!!!!! ไพร่มากๆ โหลดขึ้นนะแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ คลิ๊กอะไรก็ค้างไปหมด ก็เลย shut down คราวนี้ใช้เวลาเท่าไหรไม่รู้กว่าจะปิดได้ (หลับไปก่อน) ปรากิดว่านี่เป็นครั้งสุดท้ายที่เราได้เห็นหน้าจอ desk top ของพาวเวอร์บุ๊คเรา

ตอนเช้าลองเปิดดูก็ไม่ติด เลยโทรไปหาดีดี้ กับปวร ได้เบอร์ apple care มา โทรไปถามได้ความว่าให้ลองใส่แผ่น restore ที่ได้มาตอนซื้อเครื่อง แล้วใช้ system disk utility เช็คดู แต่ก็มีอุปสรรคอีก ไอ้แผ่นที่ว่าน่ะ อยู่บ้าน ก็เลยขับรถไปที่ศูนย์แอปเปิ้ลเชียงใหม่ (พอดีมันอยู่แถวๆ โรงบาล) ไปถึงปรากิดว่าช่างประชุมกันอยู่ ไม่มีใครออกมาดูให้ (ไพร่อีกละ) คราวนี้เลยขับรถกลับบ้าน ระยะทางสิบกว่ากิโลเพื่อไปเอาแผ่น

ถึงบ้านเอาแผ่นมาลองใช้ system disk utility เครืองมัน report error check disk ไม่ได้เลย ก็เลยลองลงโปรแกรมใหม่ คราวนี้ก็ลงได้อย่างราบรื่น กลับมาที่หอว่าจะลอง update โปรแกรมใหม่ คราวนี้เป็นเหมื่อนเดิม โหลดไม่ขึ้นเลย ไปอ่านดูในเน็ตเค้าแนะนำให้ลองใช้ hardware check (กดปุ่ม option ค้างไว้ตอน boot) เจอข้อความดังต่อไปนี้
error: 2STF/8/3: ATA-100 ata-6-master
code ไปหาใน google จึงได้รู้ว่ามันหมายความว่า Hard disk เจ๊ง!!!

วันนี้ก็เอาไปให้ที่ศูนย์แอปเปิ้ลดูอีกที่ เค้าก็ confirm diagnosis เลยต้องเปลี่ยน hard disk ใหม่ เราเลยถือโอกาส อัพเกรดเป็น seagate 80 GB, 5400rpm ราคากว่า 7,500 บาทแน่ (เสียเงินอีกแล้ว)
แต่ยังโชคดีนะที่ back up file ไว้ใน ipod ไว้บ้างแล้ว

เดี๋ยวพรุ่งนี้จะโทรไปถามที่ศูนย์ว่าได้ของหรือยัง จะได้ให้เค้าลงโปรแกรมให้ (ที่ทางจะได้เครืองหลังปีใหม่ เซ็ง)
รู้งี้น่าจะซื้อ apple care ไว้ด้วยเนอะ

Tuesday, December 27, 2005

งานกีฬาสี

หน้าหนาวรู้สีกว่าที่เชียงใหม่คนเยอะรถแยะเชียว เดินในโรงบาลมีโปสเตอร์ประชุมวิชาการของภาคนู้นภาคนี้ติดเด็มไปหมด

ยิ่งช่วงท้ายปีนี้กิจกรรมต่างๆในโรงบาลเยอะมากๆ เมื่อวานก็ฟึ่งมีงาน "กีฬาสัมพันธ์สวนดอก" (โรงบาลมหาราชนครเชียงใหม่คนแถวนี้จะเรียกสั้นๆว่าสวนดอกเพราเมื่อก่อน
ที่ตั้งโรงบาลเคยเป็นสวนดอกไม้ของเจ้าอะไรซักองค์เนี่ยเหละ)

งานกีฬานี่ถึอว่าเป็นงานช้างเลยนะ ยิ่งใหญ่มากๆ ประมาณงานลอยกระทงซี่รี่เลย แต่เรารู้สึกว่าคนเยอะกว่า เค้าจะแบ่งบุคลาการแต่ละภาค แต่ละหน่วยงานออกเป็นสี มีประมาณ 5-6 สี resident ทั้งหมดอยู่ทีมสีขาว บางสีเค้าเตรียมงานกันเป็นเดือนเลยนะ มีซ้อมเชียร์ ซ้อมเต้นกันให่วุ่นวายไปหมด ยิ่งช่วงสัปดาห์ก่อนงานนี่ประกาศกันทั้งวัน "กองเชียร์สี...นัดซ้อมกันที่อาคาร...สี่โมงเจ้า"

วันงานนี่เริ่มต้ังแต่เที่ยงวัน เริ่มด้วยขบวนสีต่างๆ เดินพาเรดเข้าสนามแต่ละสีอลังการมากๆ มีเห่เสรียง แต่งชุดไทยสี่ภาค ส่วนสีขาวง่อยสุดมีธงสีที่เค้าแจกเดินนำขบวน ตามด้วยเหล่าresident อีกหยิบมือนึง


ทีมสีขาว resident

คนถือป้ายทีมเรา ... น่ารักป่าว

รอบๆ สนามจะมีซุ้มกองเชียร์แต่ละสี ก็อีกเช่นกันสีอื่นจะมีการตกแต่งซุ้มยกเว้นสีขาว ซึ่งีแต่ของกินล่อลวงให้พวก resident มาร่วมงานเยอะๆ แถมมีจับฉลากแจงตังค์อีกด้วยนะ ประมาณว่าต้องการดึงคนให้อยู่ในเต้นท์นานที่สุด

บรรยากาศภายในเต้นเชียร์...โล่งมาก

ซักพักก็มีการประกวดกองเชียร์ เชียร์ลีดเดอร์ รู้สึกว่าสี่ที่มีกระเทยเยอะจะอลังการมาก ทั้งท่าเต้น ชุด ความครีเอท ฯลฯ นี่ก็เหมือนกันส่งเข้าประกวดทุกสียกเว้นสีขาว

เชียร์ลีดเดอร์พยาบาลสีเหลือง เต้นท์ข้างๆ
ลงทุนกันมาก มีแสดงพ่นไฟด้วยนะ

กีฬาที่แข่งกีฬาง่อยๆ พวกชักเย่อ วิ่งกระสอบ วิ่งสามขา ที่เห็นเป็นการเป็นงานก็มีฟุตบอลรอบชิงอยู่อย่างเดียว สีขาวได้ที่โหล่หมดอีกละ

ตอนกลางคืนมีงานต่อ ประมาณว่ารวบงานกีฬากับงานปีใหม่ให้บุคคลกรไว้ด้วยกันก็เลยเป็นอะไรที่ยิ่งใหย๋อยู่ มีเวทีกลางสนามบอล เลี้ยงโต๊ะจีนกลางแจ้งทั้งๆที่อากาศหนาวมาก งานกลางคืนนี่สีขาวเรามีทีเด็ด เป็นการแสดงนักร้องและหางเครื่อง เห็นไปซุ่มซ้อมกันอยู่เป็นอาทิตย์เลยนะ เอาเพลงก๊อตจักรพันธ์มาร้องเพลงที่ตร้องว่าปิดหู ปิดปากอะไรเนี่ยเหละ ได้เจ๊จากภาคดมยาเป็นคยครีเอทท่าเลยออกมาดูดี แถมไปเช่าชุดคาบาเร่มาใส่ด้วยนะลงทุนกันไปเป็นหมื่นเพื่อรางวัลที่หนึ่ง (เงินสดสองพันบาท)


จำได้ไหมใครเอ่ย


ทีมหางเครื่องของเหล่า resident


สุดท้ายก็ได้ที่หนึ่งจริงๆ ประมาณว่าเพื่อศักดิ์ศรีต้องเป็นแชมป์ตลอด
เราว่าก็สนุกดีนะ ดูแล้วนึกถึงงานลอยกระทงที่ซีรี่ กับงานปีใหม่ภาควิชาต่างๆ ที่จัดกันช่วงท้ายปี เป็นความสุขเล็กๆ ในโรงบยาบาลอย่างนึง

Saturday, December 24, 2005

แฟชั่นฤดูหนาว

ช่วงนี้ใกล้สิ้นปีละ เร็วดีเนอะ ทำงานมาจะครบปีละนะเนี่ย
ที่เชี่ยงใหม่อากาศเริ่มหนาวแล้ว ต้องใส่เสื้อหนาวมาทำงานทั้งวันเลยไม่เหมือนตอนเรียนที่ซีรี่ นับวันที่ใส่เสื้อหนาวได้เลย ประมาณได้ว่าปีนึงคนที่นี่คงจะใส่เสื้อหนาวกันอย่างน้อย 1-2 เดือนมั๊ง ก็เลยเป็นที่มาของแฟชั่นฤดูหนาวในโรงพยาบาล

แบบเบซิค
เสื้อหนาวเบซิคนั้ส่วนใหญ่ที่เห็นจะเป็นเสื้อทีม เสื้อรุ่น เสื้อประจำแต่ละภาควิชา ดูมีความเป็นยูนิตี้มากๆ แล้วทุกคนที่มีจะพร้อมใจกันใส่มาหมดเลยนะ ไม่ว่าจะเป็นที่ ER ทั้งพยาบาล ผู้ช่วยพยาบาล หมอประจำ ER จะมีเสื้อหนาวแบบเดียวกัน แล้วก็จะใส่แต่แบบเนี้ยมาทำงานทุกวัน เป็นยูนิฟอร์มไปเลย
พวกresident กับแพทย์ใช้ทุนก็จะขุดเอาเสื้อรุ่นมาใส่ ไม่ว่าจะจบตั้งแต่สมัยไหน ก็ยังเอามาใส่ได้ ตั้งแต่รุ่น 3907 4007 4107 (มันเป็นเลขย่อรหัสเหมือนของซี่รี่ รุ่นเราก็ 4201...)(ประมาณอยากบอกว่าผ่านไปตั้งหลายปี ชั้นยังหุ่นผอมเพรียวอยู่ใส่เสื้อตัวเก่าได้แน่ๆ)

แบบแอดวานซ์
อันนี้ส่วนใหญ่ที่เห็นใส่จะเป็นพวกนักศึกษาแพทย์ กับเอ็กเทร์น ยิ่งเป็นนักศึกษาแพทย์เด็กๆ นะจะยิ่งแอดวานซ์มาก วันเสาร์อาทิตย์ที่นี่จะอนุญาตให้ใส่ชุดไปรเวทมาราวด์ได้ พวกผู้หญิงจะใส่เสิอหนาวไหมพรมเข้ารูปสีสันฉูดฉาด กับกระโปรงเหนือเข่าเล็กน้อย สวมทับด้วยเสื้อกราวด์ บางคนจะเพิ่มความเก๋ด้วยผ้าพันคอผ้าฝ้าย ถ้าหนาวมากๆเห็นมีใส่เสื้อคอเต่าด้วยนะ ส่วนเอ็กเทอร์นจะใส่เสื้อหนาวทับก็เลยโชว์ได้มากกว่า วันนี้เห็นน้องผู้หญิงใส่เสื้อไหมพรมสีชมพูแปร็นตัวยาวเกือบถึงเข่า อีกคนใส่เสื้อสีครีมอ่อนสีหวานมาอยู่เวร ER (อย่าให้เลือดกระเด็นใส่เถอะ...แล้วจะหนาว) ส่วนผู้ชายก็เรื่อยๆ ใส่สเวตเตอร์ข้างในสวมเสื้อกราวด์ทับใส่กางเกงยีนส์ บางคนแอบมีเสื้อยืดสีส้มแปร็น หรือสีแดงสดในไว้ข้างในด้วยนะ

เป็นไงเก๋ไหมล่ะ นศพ ที่นี่ ถ้าเป็นที่ซี่รี่มีหวังโดนตบไปแล้ว (ดูอย่างมดซิ ตอนปีสามใส่กระโปรงป้ายไปเรียน โดนด่าว่าเป็นมะเร็งสังคม)

Thursday, November 17, 2005

ประเพณียี่เป็ง...ที่เชียงใหม่

ลอยกระทงที่เชียงใหม่เรียกว่าประเพณียีเป็งนะ
ปีนี้รัฐบาลเค้าโปรโมตงานลอยกระทงเป็นพิเศษ ดูทีวีเห็นมีโฆษณางานลอยกระทงจัดแบบยิ่งใหญ่อลังการมาก ที่เชียงใหม่ กรุงเทพ อยุธยา ละก็หาดใหญ่ คราวนี้ได้มีโอกาสเที่ยวงานลอยกระทงที่บ้านซะที (ไม่อยากจะบอกว่าเกิมาพึ่งเคยเที่ยวงานลอยกระทงที่เชียงใหม่ครั้งนี้เป็นครั้งแรก ทั้งๆที่เป็นคนเชียงใหม่)
งานที่นี้จะมีหลักๆ อยู่ 2 วัน คือ วันที่ 16 เป็นวันกระทงเล็ก กับวันที่ 17 เป็นวันกระทงใหญ่ เราก็ได้ยินมานานตั้งแต่เด็กๆแล้วนะ ไอ้กระทงเล็กกับกระทงใหญ่เนี่ย แต่ก็ไม่รู้ว่ามันต่างกันยังไง รู้แค่ว่าวันงานกระทงใหญ่เค้าจะมีประกวดกระทงแบบมีนางนพฯนั่ง ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ก็ไม่รู่เหมือนกัน
ปีนี้ช่วงลอยกระทงอยู่วอร์ดสูติพอดี เลยพอมีเวลาว่างไปเที่ยวได้ ทีแรกนัดกันกับเพื่อนอินเทอร์นที่ รพ มหาราชเนี่ยเหละ ว่าจะไปนั่งกินข้าวริมแม่น้ำปิง แถวๆ good view ไปชมงานลอยกระทงแบบวัยรุ่น ดูเค้าปล่อยโคม กับไปลอยกระทงกันเองริมน้ำ ต้องแห่ไปจองโต๊ะล่วงหน้าก่อนสาม-สี่วันเชียวนะ พอถึงเวลาจริงเราอดไปอ่ะ แต่ได้ไปงานลอยกระทงอีกแบบแทน
กลางวันเราทำงานเลิกครึ่งวัน (สบายโครตๆ) กลับมานอนที่หอ กะว่าจะตื่นซักสามโมง แล้วค่อยออกไปตอนหกโมง นอนได้ซักพักมีโทรศัพท์จากอาจารย์ (เป็นอาจารย์ออร์โธที่ทุกคนเคารพมากๆๆ ชอบเรื่องวัฒนธรรมล้านนาเป็นเบซิคอยู่แล้ว) โทรมาชวนเราออกไปถ่ายรูปในตัวเมือง เน้นถ่ายซุ้มประตูที่เค้าประดับด้วยต้นกล้วยกับใบมะพร้าว แล้วก็จะแขวนตุงกับโคมไว้ เรียกว่า "ซุ้มประตูป่า" ส่วนมากจะเห็นตามวัด ก็สวยดี

วัดโลกโมฬี เป็นฉากในเรื่องสุริโยทัยด้วยนะ

ซุ้มประตูป่าหน้าสถานกงสุลอเมริกัน

ตอนเย็นต้องไปวัดกับอาจารย์+พี่ที่ภาควิชาต่อ คราวนี้ไปวัดสวนดอก อยู่แถวหน้าโรงบาลเนี่ยแหละ เป็นวัดเก่าแก่ที่มีสถูปไว้อัฐฐิของพวกเจ้านายฝ่ายเหนือ (เป็นlocation ที่ใช้แสดงต้อนรับ bill clinton ตอนที่มาเชียงใหม่ด้วยนะ) ที่วัดวันนี้มีเทศน์มหาชาติสั้นๆ ส่วนใหญ่คนที่ไปเป็นคนแก่ เด็กๆไปเที่ยวในเมืองกันหมด (คนน้อยมาก ค่อนข้างเงียบเหงาเมื่อเที่ยบกับวันวิสาขบูชา) เราก็ฟังมั่งไม่ฟังมั่ง (เพราะมัวแต่ถ่ายรูป) ประมาณว่าเป็นกัณฑ์เทศเกี่ยวกับที่มาว่าทำไมต้องมีการบูชาในเทศการลอยกระทง...

เจดีย์ที่วัดสวนดอก ด้านหน้าเป็นกู่เจ้านายฝ่ายเหนือ

ซุ้มประตูโขงหน้าวัด

พอพระเทศจบก็ต้องไปจุดประทีบกัน ตอนนี้สวยมากๆๆ ที่วัดดับไฟหมดเลย มีแต่แสงจากประทีบที่คนเอามาจุด กับแสงพระจันทร์ จุดที่หน้าองค์พระประทาน แล้วก็จุดที่สถูปเจ้านายฝ่ายเหนือ

จุดประทีบหน้าองค์พระประทาน

ที่วัดดับไฟแล้ว มีแต่แสงจากประทีบ สวยมาก

ต้นโพธิ์ที่ลานวัด คู่กับพระจันทร์เต็มดวง (สว่างมาก)

เสร็จจากที่วัดพี่ทีภาคชิ่งกันหมด เหลือเรากับอาจารย์สองคน ก็ขับรถไปเดินแถวริมแม่น้ำปิงที่เค้าจัดงานลอยกระทงกันต่อ คนเยอะมากๆๆๆๆ มีประทัดประปราย (ปีนี้ดีนะเค้าห้ามขาย ใครขายประทัดจะโดนจับปรับหกพันบาท) ส่วนใหญ่จะมาลอยกระทงกับปล่อยโคมลอยกัน
ท้องฟ้าช่วงนี้จะเห็นโคมลอยเยอะมาก สวยไปอีกแบบ

พระ-เณรช่ยวกันปล่อยโคมลอย

ลอยกระทงริมแม่น้ำปิง

ปล : รูปคราวนี้เอาขาตั้งกล้องไปถ่ายด้วยนะ คลิ๊กที่รูปเอาไปทำเป็น wallpaper ได้นะ

Tuesday, October 18, 2005

Wikipedia VS Anti-wikipedia

ช่วงนี้อยู่วอร์ด gynae (นรีเวช) ตอนนี้กำลังนั่งบื้อเป็นผีเฝ้าวอร์ดอยู่ ไม่มีไรทำสุดๆ นั่งรอคนไข้ที่กำลังจะมาแอดมิตช่วงใกล้ ๆ 4 โมง (โครตน่าเบื่อเลย ทำไมต้องมากันเย็นขนาดนี้ก็ไม่รู่ทำให้เราต้องกลับช้า)
เมื่อวานไปกินกาแฟวาวีกับปุ๋ย (เป็นกาแฟแบรนด์เนมท้องถิ่นของเชียงใหม่ แต่งร้านประมาณสตาร์บัคค์เชียวนะ) กรานั่งอ่านนิตยาสารไปเรื่อยๆ เจอคอลลัมเวปแนะนำใครที่ชอบเข้า Wikipedia ต้องลองเข้าเวปนี้บ้าง Antiwikepedia ตลกดี เป็นเวปรวบรวมเรื่องราวไร้สาระอ่ะ เดี๋ยวขอยกตัวอย่างหน่อยละกัน


Welcome to Wikipedia,
the free encyclopedia that anyone can edit.

VS

Welcome to Uncyclopedia,
the content-free encyclopedia that anyone can edit.

ลอง search : Estonian language

Estonian language is the weirdest in the world. Most words have 4 vowels in a row, and at least one Ümläüẗ like "jäääär", "töööö", or "kuuuurïja". Some words can mean almost everything. For example, "tee" means (1) a road, (2) tea, and (3) do! (imperative mode). "Kurk" means (1) cucumber, (2) throat, and (3) the Devil. So when an estonian says:"Mu kurk valutab", you may think: "What the f..., your cucumber hurts?!"


แค่โลโก้ก็ล้อเลียนแล้ว อ่านแล้วไพร่+ตลกมากๆ ลองเข้าไปดูนะ

Sunday, October 16, 2005

เพลงฟรี

อ่านบล๊อกของปวรที่เขียนเรื่องเพลงแล้วก็นึกได้ว่าเดี๋ยวนี้เราไม่ค่อยได้อัพเดทเพลงเลย รู้สึกว่าช่วงนี้ฟังเพลงได้ทุกแนวแล้ว (รวมถึงเพลงไทยด้วย เพราะต้องเอาไว้เผื่อไปร้องคาราโอเกะ)
สำหรับคนที่ชอบฟังเพลงแนวๆ หน่อย+ชอบของฟรี (เช่น ดีดี้เป้นต้น) เราขอแนะนำ mercedes benz : mixed tape


เค้าจะคัดเพลงอินดี้หลายๆ แนวมาให้โหลดฟรี อัพเดททุกสองสามเดือน เราไปโหลดมาแล้วสามอัลบั้ม ตอนแรกก็ไม่คิดไร โหลดมาไว้เฉยๆ ไม่ค่อยได้ฟังเป็นเรื่องเป็นราว เมื่อวานพึ่งเอามาฟัง...เพลงเด็ดดีนะ แนวอิดี้ดี มีทั้งแจซ นิวเอจ ฯลฯ คุณภาพก็ดี เป็

Saturday, October 15, 2005

ย้ายบล๊อก

ย้ายบล๊อกละนะ
อันนี้เป็นความโง่ของเราเอง ประมาณว่าตอนแรกที่จะทำบล๊อกใหม่ก็ตั้ง account : kittitik.blogspot.com เข้าไปแล้วรู้สึกว่าทำอะไรไม่รู้แล้วมันเจ๊งๆ ก็เลยทำอีก account ขึ้นมา ชื่อ tikkitti.blogspot.com บล๊อกอันหลังนี้โพสได้สวยงามดี หลังจากนั้นก็ไม่ได้ฝโพสนานมาก เข้ามาอีกที เอ๊?ทำไมมันโพสไม่ได้ละก็ไม่มีข้อความที่เคบโพสด้วย ลองอยู่หลายที่ก็เลยหมดความพยายาม ช่วงนี้ว่างๆ ก็เข้ามาดูใหม่ ปรากิสว่า ไอ้อันหลังที่ทำอ่ะ เราดันไปใช้ username อะไรไม่รู้ แล้วที่เข้าเพื่อจะโพสเนี่ยเป็น username ของบล๊อกอันแรกที่ง่อย
ก็เลยถือโอกาสเปลียนบล๊อกใหม่เลยละกันนะ ชื่อเหมื่อนเมล์เราด้วย

ขอบ่น

หลังจากว่างเว้นการเขียนบล๊อกมานานมากๆ (เพราะขี้เกียจ+ไม่รู้จะเขียนอะไร)
เวลาผ่านไปไวมากๆ นี่ก็ทำงานไปแล้วตั้ง 6 เดือนน่ะ เลยมีเรืองเกี่ยวกับระบบในโรงพยาบาลมาบ่นให้ฟังเล็กๆ น้อยๆ
เราว่าทุกโรงบาลมันจะต้องมีเรื่องระบบประหลาดให้หมอ และเอ็กเทอร์นทำงานหนักกว่าที่จำเป็นนะ อย่างที่ศิริราชก็ต้องให้เราเจาะน้ำตาล จองเลือด ติ๊กใบส่งแลป(ที่วอร์ดศัลย์ ไม่รู้ว่าเดียวนี้ยังต้องทำเองอยู่ป่าว) ฯลฯ ซึ่งเป็นงานที่น่าเบื่อมากๆ จบออกมาแล้วนึกว่าจะสบายออกมาใช้ทุน ยังต้องเจอระบบที่นี่อีก ที่น่าเบื่อที่สุดคือเรืองการ discharge คนไข้ อย่างที่ศิริราชเค้าจะให้ resident เจ้าของวอร์ดเป็นคนสรุปชาร์ท แต่ที่นี่ไม่ การสรุปชาร์ทเป็นหน้าที่หลักของอินเทอร์น ให้สรปไปเรื่อยๆ ไม่คิดอะไรก็ได้อยู่ก็ได้หรอก แต่ที่นี่ต้องสรุปแบบโรงเรียนแพทย์ ต้องเขียนแบบ high standard ทำให้เป็นเรื่องยาก ยิ่งตอนอยู่เมด อยู่เด็ก ประเภทชาร์ทที่อยู่มาเดือน สองเดือน หรืออยูวอร์ด ย้ายเข้า icu แล้วย้ายออกย้ายไปนู่นไปนี่นี่วุ่นวายไปหมด ถ้าแจ๊คพอต discharge ตอนเราไปอยู่พอดีนี่ซวยมากๆ นั่งพลิกดูประวัติก็เป็นชั่วโมงละ แถมต้องมาเรียบเรียงให้สั้น-กระชับ-ได้ใจความอีก เฮ่อ :-( บวกกับระบบ HA อะไรไม่ร้ ต้องให้เขียนประวัติสรุป 3 ใบ (เก็บไว้ในชาร์ท 1 ใบ, ใน OPD card 1 ใบ, ใบส่งตัวอีก 1 ใบ) ทุกใบก็เขียนเหมือนๆ กันหมดอ่ะ งานโคตรซ้ำซ้อนสุดๆ